Wednesday, November 19, 2025
25.9 C
Bangkok

เบื่อคลิป AI เกลื่อนฟีดไหม? TikTok จัดให้! เพิ่มปุ่มลดคอนเทนต์ AI ใน For You ได้เองแล้ว

เคยเป็นไหมครับ? ช่วงหลังๆ นี้พอหยิบมือถือขึ้นมาจะไถ TikTok แก้เบื่อสักหน่อย ปรากฏว่าในหน้าฟีด For You ดันเจอแต่วิดีโอที่ดู “แปลกๆ” เต็มไปหมด ภาพสวยนะแต่มันเนียนจนดูลอยๆ หรือเสียงพากย์ที่ฟังแล้วรู้เลยว่าไม่ใช่เสียงคนพูดจริงๆ บางทีก็เป็นคลิปเล่าเรื่องที่เอาภาพ Gen มาแปะต่อๆ กัน จนเริ่มรู้สึกว่า “เฮ้ย นี่เรากำลังดูอะไรอยู่เนี่ย?”

ถ้าคุณรู้สึกแบบนี้ บอกเลยว่าคุณไม่ใช่คนเดียวครับ เพราะนี่คือยุคที่ AI-generated content (AIGC) หรือคอนเทนต์ที่สร้างโดย AI กำลังบุกยึดพื้นที่โซเชียลมีเดียอย่างหนักหน่วง จนหลายคนเริ่มบ่นว่า “ความเรียล” ที่เป็นเสน่ห์ของ TikTok มันเริ่มจางหายไป

แต่ล่าสุดมีข่าวดีที่น่าจะถูกใจสายไถฟีดครับ เพราะ TikTok เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าผู้ใช้เริ่ม “เอียน” กับคอนเทนต์ AI ที่มากเกินไป เลยเตรียมงัดฟีเจอร์ใหม่มาช่วยให้เราจัดการหน้าฟีดของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

ปุ่มวิเศษ “ลด AI” ตัวช่วยคืนความเรียลให้หน้าฟีด

จากรายงานของสื่อต่างประเทศอย่าง The Sun ระบุว่า TikTok กำลังเตรียมปล่อยฟีเจอร์ใหม่ที่จะซ่อนอยู่ในเมนู Manage topics (ซึ่งเป็นเมนูเดิมที่เราใช้บอกระบบว่าชอบหรือไม่ชอบเนื้อหาแนวไหนนั่นแหละครับ) โดยความเจ๋งคือ เขาจะมี “Slider” หรือแถบเลื่อนปรับระดับสำหรับ AIGC โดยเฉพาะ!

การทำงานของมันเข้าใจง่ายมาก:

  • ถ้าคุณชอบความล้ำ: อยากเห็นนวัตกรรม AI ใหม่ๆ ก็ดันสไลเดอร์ขึ้น ฟีดของคุณก็จะเสิร์ฟคลิป AI แบบจัดเต็ม

  • ถ้าคุณโหยหาความเรียล: เบื่อความปลอม อยากดูคนจริงๆ เต้น กินข้าว หรือรีวิวของ ก็แค่ “ดันสไลเดอร์ลง” เพื่อสั่งให้ Algorithm ลดการมองเห็นคลิป AI ให้น้อยลง

แต่! ต้องดอกจันตัวโตๆ ไว้ตรงนี้เลยนะครับว่า “ลด ไม่ได้แปลว่า ปิด” ทาง TikTok ยอมรับตรงๆ ว่าฟีเจอร์นี้ไม่สามารถบล็อกคอนเทนต์ AI ได้ 100% เพราะระบบยังต้องคำนวณจากหลายปัจจัย ทั้งความสดใหม่ ความนิยม และความสนใจของเรา แต่การมีปุ่มนี้ก็เหมือนเราได้ส่งสัญญาณบอก Algorithm ว่า “พอก่อนนะ AI ขอพักแป๊บ”

ทำไม TikTok ถึงต้องรีบแก้เกมเรื่องนี้?

ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ตอนนี้ TikTok กำลังเจอศึกหนักครับ

  1. ปริมาณที่ล้นทะลัก: TikTok เผยข้อมูลสุดอึ้งว่า ตอนนี้บนแพลตฟอร์มมีวิดีโอที่ถูกติดป้ายว่าเป็น AI-generated ไปแล้วมากกว่า 1.3 พันล้านคลิป! (ข้อมูลจาก The Guardian) ลองจินตนาการดูสิครับว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ อีกหน่อยเราคงแทบไม่เห็นหน้าคนจริงๆ กันแล้ว

  2. ปัญหา Deepfake และความน่าเชื่อถือ: ยิ่ง AI เก่งขึ้น การแยกแยะว่า “อันไหนจริง อันไหนปลอม” ก็ยิ่งยากขึ้น เราเริ่มเห็นการใช้ AI ปลอมเสียงคนดัง ปลอมหน้าดารามาขายของ หรือสร้างข่าวปลอม (Fake News) ที่เนียนกริบ เรื่องนี้กระทบความเชื่อมั่นของแพลตฟอร์มสุดๆ

  3. เสน่ห์ที่หายไป: จุดแข็งที่ทำให้ TikTok โตระเบิดระเบ้อคือ “ความจริงใจ” (Authenticity) การที่คนธรรมดาๆ มาถ่ายคลิปตลกๆ ในห้องนอน แต่พอ AI เข้ามาเยอะเกินไป ฟีดมันดู “แห้งแล้ง” ไร้ชีวิตชีวา ถ้าไม่แก้ตรงนี้ คนดูอาจหนีไปแพลตฟอร์มอื่นได้

ไม่ได้แค่ลด แต่จะ “จับตา” ให้เข้มขึ้นด้วย

นอกจากฟีเจอร์ให้ผู้ใช้กดลดเองแล้ว TikTok ยังประกาศสงครามกับ “AI เนียน” ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกเพียบครับ

  • Invisible Watermark (ลายน้ำล่องหน): อันนี้ล้ำมาก TikTok กำลังจะใช้เทคโนโลยีฝังลายน้ำที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าลงในวิดีโอที่สร้างด้วย AI ของแพลตฟอร์ม เพื่อให้รู้ที่มาที่ไป

  • มาตรฐาน C2PA: เป็นระบบ Content Credentials ที่จะฝังข้อมูล Metadata ลงไปในไฟล์เลยครับ ต่อให้มีคนโหลดคลิป AI นั้นออกไปตัดต่อใหม่แล้วอัปโหลดกลับเข้ามา ระบบก็จะยังรู้ทันทีว่า “อ๋อ คลิปนี้มีเชื้อ AI อยู่นะ” ทำให้ตรวจสอบย้อนหลังได้แม่นยำขึ้น

  • กองทุน AI Literacy: เปย์หนักกว่า 2 ล้านดอลลาร์ สนับสนุนองค์กรต่างๆ ให้ความรู้คนทั่วไปเกี่ยวกับการรู้ทัน AI เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

แล้ว Creator อย่างเราต้องปรับตัวยังไง?

ใครที่เป็นคนทำคอนเทนต์ อ่านมาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งตกใจว่า “เฮ้ย ฉันจะตกงานไหม?” หรือ “ใช้ AI ช่วยตัดต่อไม่ได้แล้วเหรอ?” ใจเย็นๆ ครับ AI ยังเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยม ถ้าเราใช้ให้ถูกทาง

  • ใช้ AI เป็น “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “ผู้สร้าง” ทั้งหมด: การใช้ AI ช่วยคิดสคริปต์ หรือช่วยแต่งภาพนิดหน่อยยังทำได้ แต่หัวใจสำคัญคือ “ตัวตนของคุณ” ต้องยังอยู่

  • ความจริงใจคือสกุลเงินใหม่: ในเมื่อ AI สร้างความสมบูรณ์แบบได้เกลื่อนกราด “ความไม่สมบูรณ์แบบ” ของมนุษย์นี่แหละครับที่จะแพงขึ้น การพูดผิดบ้าง หัวเราะธรรมชาติ หรือรีวิวแบบบ้านๆ จะยิ่งได้ใจคนดู

  • กฎเหล็ก “ต้องติดป้าย”: อันนี้สำคัญสุด ถ้าคลิปไหนใช้ AI สร้างหน้าคน เสียง หรือฉากที่ดูสมจริง ต้อง เปิดฟีเจอร์ระบุว่าเป็น AI-generated ทุกครั้ง อย่าเนียนครับ เพราะถ้าโดนจับได้ นอกจากจะโดนลดการมองเห็นแล้ว อาจโดนแบนแอคเคาท์ได้เลย กฎชุมชนเขากำลังเข้มขึ้นเรื่อยๆ

สรุป: อำนาจกลับมาอยู่ในมือเรา (บ้างแล้ว)

การมาของฟีเจอร์ลด AI ใน Manage topics ถือเป็นก้าวที่ดีครับที่ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังคุมฟีดตัวเองได้” ไม่ใช่ปล่อยให้ Algorithm จูงจมูกอย่างเดียว ใครที่เบื่อความพลาสติกของ AI ก็เตรียมตัวใช้ฟีเจอร์นี้ได้เลย ส่วนใครที่เป็น Creator ก็ถือเป็นสัญญาณเตือนว่า ถึงเวลาต้องกลับมาโฟกัสที่ “Human Touch” หรือความเป็นมนุษย์ให้มากขึ้นแล้วล่ะครับ

ยุค AI มันห้ามไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเสพอย่างพอดีได้ครับ!

FAQ

Q1: ฟีเจอร์ลดคอนเทนต์ AI นี้เริ่มใช้ได้หรือยัง แล้วเข้าไปตั้งค่าตรงไหน?

A: ปัจจุบัน TikTok กำลังอยู่ในช่วงทดสอบและทยอยปล่อยฟีเจอร์นี้ (Rollout) ให้กับผู้ใช้งานครับ บางคนอาจจะเริ่มเห็นแล้ว แต่ถ้าใครยังไม่มีไม่ต้องตกใจ รออัปเดตแอปฯ ในช่วงสัปดาห์หรือเดือนข้างหน้า โดยเมนูจะซ่อนอยู่ที่ Settings > Content preferences > Manage topics ซึ่งจะมีตัวเลือกเกี่ยวกับ AIGC หรือ AI-generated content ให้เราปรับสไลเดอร์ได้ครับ

Q2: ถ้ากดลด AI จนสุดแล้ว จะไม่เห็นคลิป AI ในฟีด For You อีกเลยใช่ไหม?

A: ไม่ถึงกับหายไป 100% ครับ ทาง TikTok ยืนยันว่าฟีเจอร์นี้จะทำหน้าที่ “ลดสัดส่วน” (Reduce) การแสดงผลลงให้เหลือน้อยที่สุด แต่ Algorithm ยังคงต้องนำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลายตามความสนใจของเรา ดังนั้นอาจจะมีหลุดมาบ้าง แต่จะน้อยลงกว่าเดิมจนรู้สึกได้แน่นอนครับ

Q3: สำหรับคนทำคลิป ถ้าใช้ AI ช่วยตัดต่อหรือปรับเสียงนิดหน่อย ต้องติดป้าย AI-generated ไหม?

A: ถ้าเป็นการใช้ AI เพื่อปรับแสง สี หรือตัดต่อพื้นฐานทั่วไป “ไม่จำเป็น” ต้องติดป้ายครับ แต่ถ้าใช้ AI ในระดับที่ “เปลี่ยนความจริง” เช่น สร้างใบหน้าคนขึ้นมาใหม่ (Deepfake), ใช้ AI พากย์เสียงแทนเสียงคนจริง (Voice Cloning), หรือสร้างฉากเหตุการณ์ที่ไม่มีอยู่จริง แบบนี้ “จำเป็นต้องติดป้าย” ครับ เพื่อความโปร่งใสและป้องกันการโดนลงโทษจากแพลตฟอร์ม

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

This field is required.

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

Hot this 48 hr.

ความหมายของไพ่ยิปซี ไพ่ทาโรต์ ไพ่ชุดเมเจอร์และไพ่ชุดไมเนอร์ อาร์คานา

ไพ่ทาโรต์ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ไพ่ชุดเมเจอร์ อาร์คานา มี 22...

Liquid Glass ดีไซน์ใหม่สุดล้ำของ Apple – การพลิกโฉมหน้าตาอุปกรณ์ครั้งใหญ่ในรอบหลายปี

ในงาน WWDC 2025 Apple เปิดตัว “Liquid Glass” ภาษาดีไซน์ใหม่ที่ลากเส้นบาง ๆ...

เมื่อ OpenAI มอง “ความสัมพันธ์มนุษย์-AI” สูงส่งเกินจริง แต่ผู้คนอินกับแชทบอทไปไกลแล้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับ AI ไม่ได้เป็นเรื่องอนาคตอีกต่อไป—มันเกิดขึ้นตรงหน้า OpenAI เพิ่งโพสต์บล็อกโดย Joanne Jang ชี้แจงว่าบริษัทกำลังออกแบบโมเดลให้ “ดูอบอุ่นแต่ไม่แกล้งทำเป็นมีจิตวิญญาณ”...

“ทรัมป์” บ่น “จีนไม่ง่าย” เจรจาการค้ารอบใหม่ที่ลอนดอน ลุ้นคลายสงครามภาษีและแร่หายาก

การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ลอนดอนเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 (ตามเวลาไทย) จบวันแรกไปแบบไม่มีประกาศชัยชนะ แต่ก็ยังไม่ถึงทางตัน —...

OpenAI เปิดตัวโมเดล o3-pro ใน ChatGPT: แรงขึ้น ฉลาดขึ้น และใกล้มนุษย์มากกว่าเดิม!

OpenAI ประกาศเปิดตัวโมเดลใหม่ล่าสุดในตระกูล GPT อย่าง “o3-pro” สำหรับ ChatGPT โดยเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ใครที่เป็นแฟนคลับสาย...

Topics

เงินเฟ้ออังกฤษ (CPI) ต.ค. 2025 เหลือ 3.6% แต่ Bank of England ยังเหงื่อตก! สรุปครบจบที่นี่

เดือนตุลาคม 2025 ถือเป็นอีกหนึ่งเดือนปราบเซียนสำหรับนักลงทุนและคนติดตามข่าวเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะใครที่เทรดคู่เงิน GBP หรือทองคำ เพราะตัวเลขที่ทุกคนรอคอยอย่าง Consumer Price...

Jeep Recon 2026: อสูรกาย EV สายลุย 650 แรงม้า! เมื่อตำนานออฟโรดขอไม่ง้อน้ำมัน (เจาะลึกสเปก)

Jeep Recon รถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นใหม่จากค่าย Jeep เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในฐานะ “รถลุยไฟฟ้าเต็มระบบ” ที่บอกเลยว่าฉีกทุกกฎของรถ EV เดิมๆ...

Google ปล่อยของแรง! Gemini 3 บุก AI Mode และแอป Gemini ครบจบในวันเดียว ฉลาดขึ้นแบบก้าวกระโดด พร้อมฟีเจอร์ Agent ที่คิดแทนทำแทนเราได้จริง

ยุคใหม่ของ AI มาถึงแล้วครับทุกคน! หลังจากที่ลือกันมาพักใหญ่ ในที่สุด Google ก็ทุบโต๊ะเปิดตัว Gemini 3...

Steam Machine มาแล้ว! ไม่ใช่แค่กล่องเกม แต่คือ “ตัวเปลี่ยนโลก” 4 อย่างที่สาย PC ต้องรู้ก่อนเสียตังค์

ในที่สุด Valve ก็ปัดฝุ่นชื่อในตำนานอย่าง "Steam Machine" กลับมาเขย่าวงการเกมจริง ๆ! รอบนี้ไม่ใช่แค่กล่องเล็ก ๆ...

Related Articles

Popular Categories

spot_img