การเคลื่อนไหวสด ๆ ร้อน ๆ จาก National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ของสหรัฐฯ กำลังสะเทือนวงการ EV อีกครั้ง เมื่อหน่วยงานประกาศ “เปิดการสอบสวนเบื้องต้น (Preliminary Evaluation)” ต่อ Tesla หลังมีรายงานว่า “มือเปิดประตูอิเล็กทรอนิกส์” ของ Tesla Model Y ปี 2021 บางคันไม่ทำงาน โดยกรณีที่ถูกพูดถึงมากคือผู้ปกครองที่ลงจากรถแล้วไม่สามารถเปิดประตูจากด้านนอกเพื่อพาเด็กออกมาได้ จนบางรายต้องทุบกระจกช่วยเด็กออกจากรถ เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นจากการร้องเรียนอย่างเป็นทางการ 9 เคส ครอบคลุมรถประมาณ 174,290 คันในรุ่นปีดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ NHTSA กำลังไล่ตรวจสอบกลไก การจ่ายไฟ และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจริงกับผู้โดยสารอย่างเป็นระบบแล้ว
เกิดอะไรขึ้นกับมือเปิดประตูอิเล็กทรอนิกส์ของ Tesla?
สรุปสั้น ๆ คือ NHTSA พบรูปแบบปัญหาว่า “มือเปิดประตูด้านนอก” อาจกลายเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ตอบสนอง เมื่อระบบ “กลอนประตูอิเล็กทรอนิกส์” ได้รับแรงดันไฟไม่พอจากแบตเตอรี่แรงดันต่ำ (12V) ของตัวรถ ทำให้ “เปิดรถจากข้างนอกไม่ได้” ทั้งที่มีผู้โดยสาร (โดยเฉพาะเด็ก) อยู่ด้านใน จุดนี้เสี่ยงอย่างยิ่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ความร้อนสะสมในรถที่จอดอยู่กลางแดด ซึ่ง NHTSA ย้ำถึงแคมเปญ Child Heatstroke ว่าการติดอยู่ในรถร้อน ๆ เป็นเรื่องอันตรายจริงจังต่อเด็กเล็
จุดที่หลายคนสงสัยคือ “ภายในรถมีคันหรือสลักเปิดประตูด้วยมือไหม” คำตอบคือ มี—Tesla ใส่ “คันปลดล็อกแบบแมนนวล” ไว้ข้างในห้องโดยสาร แต่ปัญหาคือ เด็กเล็กอาจเอื้อมไม่ถึงหรือใช้งานไม่เป็น และถ้าคนข้างนอกจะเข้ามาช่วย ในภาวะที่ระบบไฟต่ำ การเปิดจากด้านนอกจะทำไม่ได้เพราะไม่มีทางเลือกแบบแมนนวลสำหรับมือจับภายนอก นี่คือช่องโหว่สำคัญที่กำลังถูกสอบสวนอยู่ตอนนี้
แล้วรถรุ่นไหน และจำนวนเท่าไรที่ถูกพิจารณา?
ตามเอกสาร “ODI Resume” อย่างเป็นทางการ การสอบสวนครั้งนี้ใช้รหัส PE25010 เปิดเมื่อ 15 กันยายน 2025 มุ่งไปที่ Tesla Model Y ปี 2021 ประมาณ 174,290 คัน โดยมี “คำร้องเรียนของผู้ใช้ (VOQ)” ทั้งหมด 9 เคส และไม่มีรายงานการชน ไฟไหม้ หรือบาดเจ็บในเอกสารเปิดสอบสวน ณ ตอนเปิดคดี แม้เช่นนั้น ใน 4 เคส ผู้ปกครองต้อง ทุบกระจก เพื่อเข้าถึงเด็กด้านในรถ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม NHTSA ถึงให้ความสำคัญกับ “การเปิดจากด้านนอกเมื่อไฟไม่พอ” เป็นพิเศษ
สื่อสายยานยนต์และเศรษฐกิจรายงานสอดคล้องกันว่า หากผลสอบชี้ชัดถึง “ความเสี่ยงเชิงระบบ” อาจนำไปสู่ขั้นตอนต่อไป เช่น การยกระดับสู่ Engineering Analysis (EA) และ การเรียกคืน (recall) ในภายหลัง ทั้งหมดขึ้นกับข้อค้นพบของหน่วยงานและการตอบสนองของผู้ผลิตรถยนต์ต่อแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม
เบื้องหลังเทคนิค: ทำไม “ไฟ 12V” ถึงสำคัญกับ EV มาก?
แม้รถไฟฟ้าจะมีแบตเตอรี่แรงดันสูงก้อนใหญ่สำหรับมอเตอร์ แต่ “ระบบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พื้นฐาน” (เช่น กลอนประตู หน้าจอ คอมพิวเตอร์ควบคุม) ยังพึ่งพา แบตเตอรี่ 12V เหมือนรถสันดาปจำนวนมาก หากแบตฯ 12V เสื่อม สภาพอากาศจัด หรือระบบจ่ายไฟมีเหตุขัดข้องบางประการ อุปกรณ์บางอย่าง—including กลอนประตู—อาจทำงานสะดุดได้ กรณีนี้เอกสารของ NHTSA ระบุชัดว่าอาการเกิดเมื่อ แรงดันไฟไปที่กลอนประตูไม่พอ และยังพบด้วยว่า “ผู้ใช้ไม่ได้รับสัญญาณเตือนแบต 12V ต่ำล่วงหน้า” ก่อนมือจับภายนอกจะใช้การไม่ได้ในเหตุการณ์ที่ถูกร้องเรียน
เจ้าของ Tesla ควรทำอะไร “ตั้งแต่วันนี้”
แม้คำตอบสุดท้ายของการสอบสวนยังไม่ออก แต่ในมุมความปลอดภัย ผู้ใช้สามารถทำ 4 อย่างนี้ได้ทันที:
-
รู้ตำแหน่งคันปลดล็อกแมนนวลด้านในทุกประตู
เปิดคู่มือรถ ตรวจตำแหน่งให้แม่น และลองทดสอบตอนรถจอดสนิทในที่ปลอดภัย—สอนผู้ใหญ่ในบ้านให้รู้วิธีปลดล็อกและดึงบานประตูด้วยมือ เผื่อเกิดเหตุที่ระบบไฟไม่พร้อม เด็กเล็กมักเอื้อมไม่ถึง ดังนั้นความเข้าใจของผู้ใหญ่คือหัวใจสำคัญ -
ดูแลสุขภาพแบตเตอรี่ 12V
นัดเช็กสภาพแบตฯ ตามระยะ หากสังเกตอุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่างเริ่มแปลก ๆ (เช่น บูตช้า เปิดล็อกหนืด) ให้รีบเข้าศูนย์บริการ -
เตรียมแผนเผชิญเหตุและอุปกรณ์ฉุกเฉิน
รู้ขั้นตอน “จั๊มพ์ไฟ 12V” เฉพาะรุ่นของรถตนเอง—คู่มือ Tesla อธิบายว่าการคืนไฟให้กลอนประตูจากภายนอกต้อง จ่ายไฟ 12V สองจุด ที่เข้าถึงได้จากด้านนอก ซึ่งเป็นขั้นตอนหลายสเต็ป ควรอ่านและทำความเข้าใจก่อนเกิดเหตุจริง (ทำในที่ปลอดภัยนะ) และมีเบอร์ติดต่อฉุกเฉินพร้อมเสมอ - อย่าปล่อยเด็ก/สัตว์เลี้ยงไว้ลำพังในรถ
แม้รถจะมีฟีเจอร์ช่วยระบายความร้อน แต่ความเสี่ยง “ฮีตสโตรก” ยังมีอยู่ โดยเฉพาะในอากาศร้อนจัด NHTSA เน้นประเด็นนี้อย่างมาก—ตั้งกฎส่วนตัวไว้เลยว่า “ไม่มีข้อยกเว้น” ในการทิ้งเด็กไว้บนรถแม้เพียงไม่กี่นาที
ขั้นตอนการสอบสวนของ NHTSA—สั้น ๆ เข้าใจง่าย
-
PE (Preliminary Evaluation): รวบรวมข้อมูล สัมภาษณ์ วิเคราะห์รูปแบบปัญหา
-
EA (Engineering Analysis): ขุดเชิงวิศวกรรม ลึกลงถึงดีไซน์ องค์ประกอบ ซัพพลาย และความเสี่ยง
-
Recall / Service Campaign: หากพบข้อบกพร่องที่กระทบความปลอดภัยอย่างมีนัยสำคัญ อาจตามมาด้วยการเรียกคืนหรือแก้ไขผ่านศูนย์บริการ
รอบนี้เรายังอยู่ที่ “PE” เท่านั้น การตัดสินใจต่อไปขึ้นกับผลวิเคราะห์และแผนแก้ไขจากผู้ผลิต
ทำไมประเด็น “เปิดจากข้างนอกไม่ได้” ถึงซีเรียสกว่า?
ปกติฝั่ง “ด้านใน” ยังมีทางเลือกแมนนวลให้ผู้ใหญ่ดึงปลดล็อกประตูได้ แต่ “ด้านนอก” ของรถ Tesla ไม่มีคันปลดล็อกแบบกลไกไว้ให้ใช้เมื่อไฟไม่พอ นั่นหมายความว่า ถ้ามีเด็กอยู่ในรถ และผู้ใหญ่ลงมาจากรถแล้ว ระบบไฟตกทันที—การเข้าถึงจากภายนอกอาจทำไม่ได้เลยจนกว่าจะ “คืนไฟ” หรือ “ทุบกระจก” ซึ่งทั้งเสี่ยงและใช้เวลา พูดง่าย ๆ คือ เมื่อเล่นกับระบบที่ “พึ่งพาไฟ” มากขึ้น ดีไซน์ “ทางสำรองแบบกลไก” สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินจึงยิ่งสำคัญ และนี่คือสิ่งที่ NHTSA กำลังถามหาว่า มาตรการสำรองมีพอไหม เสถียรไหม ผู้ใช้รู้จักไหม
แล้ว Tesla พูดว่าอย่างไร?
ขณะเขียนบทความนี้ ยังไม่มีคำชี้แจงละเอียดจาก Tesla ต่อสาธารณะในเอกสารทางการของคดีเปิดสอบสวน ฝั่งสื่อรายงานภาพรวมสถานการณ์และท่าที “รับรู้-อยู่ระหว่างตรวจสอบ” เป็นหลัก ต้องติดตามว่าบริษัทจะออก ซอฟต์แวร์อัปเดต, คู่มือ/การสื่อสารเพิ่มเติม, หรือ มาตรการฮาร์ดแวร์ ใด ๆ ตามมาในลำดับถัดไปหรือไม่ ขณะที่หน่วยงานรัฐก็ระบุชัดว่าจะประเมิน “ขอบเขตและความรุนแรง” ของเหตุการณ์ รวมถึงความน่าเชื่อถือของการจ่ายไฟให้กลอนประตู เพื่อพิจารณาว่าควรยกระดับการสอบสวนหรือไม่ต่อไป
มุมมองและบทเรียนสำหรับผู้ใช้ EV
-
เทคโนโลยี = สะดวก แต่ต้องมีทางสำรอง
ยิ่งระบบพึ่งพาไฟมากเท่าไร ทางหนีทีไล่แบบกลไกยิ่งสำคัญ—รู้จุดปลดล็อกแมนนวลและสื่อสารกับคนในครอบครัวไว้ก่อน -
ความรู้ผู้ใช้ช่วยลดความเสี่ยงได้จริง
หลายเหตุการณ์สะท้อนว่าเจ้าของ “ไม่รู้ขั้นตอนคืนไฟ 12V จากภายนอก” การอ่านคู่มือและจำเป็นขั้น ๆ จะช่วยลดเวลาการตัดสินใจยามฉุกเฉินได้มาก - ติดตามประกาศอย่างเป็นทางการ
เพราะหากคดีเข้าสู่ EA หรือมีมาตรการแก้ไข/เรียกคืน คุณควรได้รับอีเมล/แจ้งเตือน—อย่ามองข้าม
สรุป: คดีนี้ยังอยู่ในขั้น “เปิดสอบสวนเบื้องต้น” ของ NHTSA ต่อ Tesla Model Y ปี 2021 รหัส PE25010 โดยแก่นปัญหาคือ “มือเปิดประตูด้านนอกไม่ทำงานเมื่อไฟ 12V ต่ำ” ทำให้เข้าถึงผู้โดยสารจากภายนอกไม่ได้ และมีความเสี่ยงต่อเด็กเล็กในรถร้อน ๆ หน่วยงานกำลังประเมินขอบเขต-ความรุนแรง และแนวทางแก้ไขต่อไป สำหรับเจ้าของรถ แนะนำให้ทำความเข้าใจวิธีปลดล็อกแมนนวล ตรวจสุขภาพแบต 12V และเตรียมแผนฉุกเฉินไว้เสมอ เพื่ออุดช่องว่างระหว่าง “เทคโนโลยี” กับ “ความปลอดภัยในชีวิตจริง” ของทุกคนในรถ


