สวัสดีเพื่อนๆ ชาว ไอทีเมามันส์ ทุกคน พบกันเป็นประจำเช่นเคยกับการอัพเดทเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงพลังงาน สำหรับครั้งนี้เราจะพาทุกคนมาไขข้อสงสัยว่าทำไมกังหันลมนอกชายฝั่งถึงมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คำตอบจะเป็นอย่างไร มาติดตามกันเล้ยย
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับกังหันลมนอกชายฝั่ง สรุปได้ดังนี้
- ปัจจุบันประสิทธิภาพของกังหันลมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2019 กังหันลมสามารถผลิตไฟฟ้าได้โดยเฉลี่ย 8 เมกะวัตต์ ซึ่งมากกว่าปี 2018 อยู่ 1 เมกะวัตต์
- หนึ่งปัจจัยสำคัญคือขนาดของกังหันลม เพราะการผลิตพลังงานได้มากขึ้นแปรผันตรงกับความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางตัวแกนหมุนที่เพิ่มขึ้น พร้อมด้วยตัวใบพัดที่ยาวขึ้น และเพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศได้มากขึ้นอีกเช่นกัน
- อีกปัจจัยหนึ่งคือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะมีประสิทธิภาพดีขึ้น เนื่องจากมีชิ้นส่วนน้อยลง ซึ่งทำให้มีต้นทุนการบำรุงที่ต่ำลงด้วย
- ตัวอย่างบริษัท Siemens Gamesa และ GE ก็ได้มีการใช้กังหันลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางแกนหมุนยาว 220 เมตรแล้ว โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้กว่า 12-14 เมกะวัตต์
- อีกทั้งลมทะเลนอกชายฝั่งยังมีศักยภาพมากพอทั้งเรื่องความเร็วและความต่อเนื่องของการพัดพาที่สม่ำเสมอ จึงทำให้การออกแบบกังหันผลิตไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่โตเป็นเรื่องที่เหมาะสมยิ่ง ซึ่งทำไม่ค่อยจะได้กับกระแสลมบนฝั่งซึ่งมีศักยภาพต่ำกว่ามาก
- นอกจากนี้ Jan Claes ผู้จัดการโครงการอาวุโสแห่ง Siemens Gamesa ได้กล่าวไว้ว่า “เราต้องพึ่งพาพลังงานสะอาดมากขึ้นทุกวัน ยิ่งสร้างกังหันลมให้ใหญ่ขึ้น ก็จะมีพื้นผิวของใบพัดกังหันลมมากขึ้น เราก็จะสามารถผลิตพลังงานได้มากขึ้น”
และนี่ก็คือข้อมูลสำคัญที่ทำให้เราได้ทราบคำตอบแล้วว่าทำไมกังหันลมนอกชายฝั่งถึงต้องมีขนาดใหญ่ สรุปง่ายๆ ก็เพราะว่าลมมันแรงดี และต่อเนื่อง การใช้ใบกังหันใหญ่เพื่อรีดกำลังจากลมได้เต็มประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสม นั่นเอง